Thailand Sport Magazine Sponsored
Categories: ว่ายน้ำ

วันพีซ (ไม่) มงคล: ผลไม้แสนเศร้าที่มีนามว่ารอยยิ้ม ประเทศปิดที่เปิดให้เพียงธุรกิจมืดของรัฐเผด็จการ

Thailand Sport Magazine Sponsored
Thailand Sport Magazine Sponsored

*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญในเรื่อง One Piece

“รอยยิ้มของผู้คนในเมืองเอบิสึน่ะ เป็นแค่หน้ากากเท่านั้นเอง เป็นหน้ากากที่ไม่มีทางถอดออกไปได้ตลอดชีวิต” – ชิโนบุ นินจาสาว

One Piece เป็นเรื่องราวการผจญภัยของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง นำโดยพระเอกคือ มังกี้ ดี ลูฟี่ ชายหนุ่มผู้มุ่งหวังจะเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด กลุ่มของเขาจึงต้องฟาดฟันเหล่าโจรสลัดอีกมากในท้องทะเลซึ่งมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ทั้งยังต้องปะทะกับกองทัพเรือและรัฐบาลโลก ซึ่งอ้างตนเป็นผู้ดูแลรักษาความสงบของโลก

ในท้องเรื่อง One Piece ตัวละครบางตัวมีพลังพิเศษเหนือมนุษย์ โดยได้รับพลังจากการกินผลไม้ชนิดหนึ่งเข้าไป แต่พลังนั้นก็มาพร้อมคำสาปที่น่าสะพรึงกลัว กล่าวคือ ผู้ได้รับพลังพิเศษจะว่ายน้ำไม่ได้ไปตลอดชีวิต ถือเป็นเรื่องโชคร้ายอย่างยิ่งสำหรับเหล่ามนุษย์ที่ต้องใช้ชีวิตผจญภัยในท้องทะเล ผู้คนจึงพากันขนานนามผลไม้นี้ว่า ‘ผลปิศาจ’

ผลปิศาจมอบพลังสุดเทพให้มนุษย์ มันทำให้ร่างกายของผู้กินเปลี่ยนเป็นพลังงานธรรมชาติ เช่น ไฟ สายฟ้า น้ำแข็ง ฯลฯ (สายโรเกีย) เปลี่ยนร่างกายให้มีคุณสมบัติของสิ่งต่างๆ เช่น ยาง เทียน ระเบิด ฯลฯ (สายพารามีเซีย) หรือเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้าย เช่น เสือดาว นกอินทรี แม้กระทั่งไดโนเสาร์ (สายโซออน) เมื่อร้ายกาจขนาดนี้ มนุษย์หัวใสบางคนจึงพยายามคิดค้นวิธีสร้างผลไม้ปิศาจขึ้นมาเอง โดยใช้สารพันธุกรรมจากสรรพสัตว์ต่างๆ จนเกิดเป็นผลปิศาจเทียมขึ้นมา

อย่างไรก็ดี ผลปิศาจเทียมฝีมือมนุษย์กลับก่อให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ นอกจากจะพรากความสามารถในการว่ายน้ำแล้ว มันยังพรากอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างไปจากมนุษย์ด้วย ครั้นเมื่อผลไม้ชนิดนี้กลายเป็นสินค้าขายดีในธุรกิจมืดระหว่างคู่ค้าดาร์กๆ อย่างมาเฟียและจอมเผด็จการ ความทุกข์ยากจึงบังเกิดขึ้นแก่ประชาชนชั้นรากหญ้าที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ 

แม้ One Piece จะสอดแทรกมุกตลกที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างต่อเนื่อง แต่ประเด็นด้านสังคมและการเมืองหนักๆ ที่ เออิจิโร โอดะ (Eiichiro Oda) ผู้เขียนได้แทรกไว้ ก็ทำเอานักอ่านจุกไปตามๆ กัน เพราะราวกับว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกโจรสลัดนั้นถอดโครงมาจากโลกแห่งความเป็นจริง

ผลไม้ปิศาจ ขูดรีดแรงงานทาส และรอยยิ้มอันแสนเศร้า

ผลปิศาจเทียมถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องนามว่า ซีซาร์ คลาวน์ (Caesar Clown) โดยใช้สารพันธุกรรมของสรรพสัตว์มาเป็นองค์ประกอบ เพื่อใช้ความแข็งแกร่งและความสามารถของสัตว์นั้นๆ มาเพิ่มพลังให้มนุษย์ แต่วิธีการนี้ก็ทำให้ผลปิศาจเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้นได้ในขณะนี้ ทำได้เพียงเลียนแบบผลปิศาจแท้สายโซออน ซึ่งเปลี่ยนร่างคนให้กลายเป็นสัตว์เท่านั้น 

มีเพียงซีซาร์คนเดียวในโลกที่ครอบครองความรู้ในการสร้าง S.A.D. (Smile Artificial Zoan Devil Fruit) หรือสารสำคัญตัวนี้ เขาใช้ห้องแล็บบนเกาะร้าง พังค์ ฮาซาร์ด ทำการผลิต S.A.D. เพื่อส่งต่อไปยังโรงงานผลิตผลปิศาจเทียมที่ตั้งอยู่อีกประเทศหนึ่ง คือ เดรสโรซา ที่ซึ่งปกครองโดย ดอนกิโฆเต้ โดฟลามิงโก้ (Donquixote Doflamingo) นักร่วมลงทุนและมาเฟียผู้หนุนหลังซีซาร์

ณ เดรสโรซา โดฟลามิงโก้ได้ใช้อุบายหลอกล่อชนกลุ่มน้อยของประเทศอย่างเผ่าคนตัวจิ๋ว ทอนทัตตา ซึ่งมีนิสัยหลงเชื่อใจคนง่าย ให้ตกเป็นแรงงานในโรงงานผลิตผลไม้ปิศาจเทียม และในขณะนั้นเจ้าหญิงมันเชอรี (Mansherry) ที่พวกเขารักและเคารพกำลังมีอาการป่วย จึงถูกโดฟลามิงโก้หลอกว่า ผลไม้ที่เผ่าทอนทัตตาปลูกสามารถใช้เป็นยารักษาอาการของเจ้าหญิงได้ ทำให้ชาวเผ่าเร่งทำการผลิตแม้จะต้องใช้แรงงานอย่างหนักหน่วง

เมื่อได้ผลผลิตจำนวนมาก โดฟลามิงโก้ได้นำผลไม้ปิศาจเทียมไปซื้อขายแลกเปลี่ยนกับไคโด (Kaido) กัปตันแห่งกองโจรสลัดร้อยอสูรและผู้ค้ำจุนอำนาจให้โชกุนเผด็จการในประเทศวาโนะคุนิ ซึ่งจะแลกเปลี่ยนโดยการขายอาวุธ เช่น หอกและดาบจำนวนมากกลับคืนให้โดฟลามิงโก้ เพื่อเอาไปขายแก่ประเทศต่างๆ ที่ทำสงครามกันอีกทอดหนึ่ง เรียกได้ว่า โดฟลามิงโก้เป็นนายหน้าค้าความตายอย่างแท้จริง แม้ฉากหน้าของเขาจะเป็น 1 ใน 7 เทพโจรสลัด หน่วยงานที่ขึ้นตรงกับกองทัพเรือและรัฐบาลโลก!

อย่างไรก็ตาม สูตรผสมของ S.A.D. นั้นยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ ทำให้ผลไม้ปิศาจเทียมแสดงประสิทธิภาพได้ไม่เทียมเท่าผลไม้สายโซออนของแท้ แทนที่จะเปลี่ยนร่างกายผู้ใช้ให้เป็นสัตว์ป่าเต็มตัว มันกลับทำได้เพียงแค่เปลี่ยนบางส่วนของร่างกายให้เป็นอวัยวะของสัตว์เท่านั้น ในหลายกรณีก็เป็นพลังที่พิกลพิการ ใช้งานจริงไม่ได้มากนัก มิหนำซ้ำ ใช่ว่าผลปิศาจเทียมทุกผลจะมอบพลังแก่ผู้กิน หรือมีเพียง 1 ใน 10 ผลเท่านั้นที่มีประสิทธิภาพจริง ดังนั้นจึงมีคนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะได้รับพลัง นั่นหมายความว่า คนที่เหลืออีก 90 เปอร์เซ็นต์ นอกจากจะไม่ได้รับพลังแล้ว ยังได้รับผลข้างเคียงจากการไม่สามารถว่ายน้ำได้ตลอดชีวิต

ความอัปมงคลของผลไม้นี้ไม่ได้หยุดแค่ตรงนั้น เพราะมันสร้างผลข้างเคียงอีกประการที่คาดไม่ถึง กล่าวคือ ผู้ที่กินผลไม้ปิศาจเทียมที่ล้มเหลวเข้าไป จะสูญเสียความสามารถในการแสดงอารมณ์ด้านลบอย่างถาวร สิ่งเดียวที่พวกเขาแสดงออกได้คือ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ นี่คือที่มาของนามอันย้อนแย้งของมันว่า ‘ผลสไมล์’

การสั่งสมทุนบุพกาล กระบวนการทำลายล้างชนบท

ไคโดพยายามปลุกปั้นกองทัพโจรสลัดที่เต็มไปด้วยผู้ใช้พลังพิเศษ นักรบในกองทัพทั้งหมดเป็นผู้ใช้พลังสายโซออน ซึ่งเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ป่าได้ จึงได้รับการขนานนามว่า กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร แต่เนื่องจากผลปิศาจแท้ๆ หาได้ยาก ไคโดจึงต้องการผลปิศาจเทียมสไมล์มาให้เหล่าสมุนกิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบ

เขาหนุนหลัง คุโรซึมิ โอโรจิ โชกุนจอมเผด็จการแห่งวาโนะคุนิ และได้ใช้ประเทศนี้เป็นแหล่งผลิตอาวุธ เพื่อนำไปแลกเปลี่ยนกับโดฟลามิงโก้ ซึ่งกระบวนการสร้างอาวุธขนานใหญ่ของไคโดนี้กระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนชาววาโนะในทางร้าย

ผู้คนในชนบทถูกกวาดต้อนไปใช้แรงงานในเหมืองแร่และโรงงานผลิตอาวุธของไคโด โดยเฉพาะชายวัยฉกรรจ์ เหลือเพียงคนชรา ผู้หญิง และเด็ก ที่ถูกทิ้งไว้ให้เฝ้าหมู่บ้าน นอกจากนี้ ไม่เพียงชาวบ้านทั่วไปที่ถูกต้อนไปเป็นแรงงานเท่านั้น เหล่าไดเมียว ยากูซ่า และซามูไร ซึ่งเป็นกลุ่มขั้วอำนาจเก่าและเป็นฝ่ายตรงข้ามกับโอโรจิ ก็ถูกจับกุมคุมขังเป็นนักโทษที่ต้องใช้แรงงานเช่นกัน

เหล่านักโทษต้องทำงานหนักจนแทบขาดใจตาย เพียงเพื่อแลกกับอาหารประทังชีวิตอย่าง ‘ดังโงะ’ ไม่กี่ก้อน ชีวิตในหมู่บ้านยิ่งแร้นแค้น มลมิษที่ปล่อยจากโรงงานผลิตอาวุธได้ทำให้แหล่งน้ำธรรมชาติปนเปื้อน ต้นไม้ล้มตาย สัตว์ต่างๆ สูญพันธุ์ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ให้พอกินได้กลับเต็มไปด้วยมลพิษและเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ 

ชีวิตที่แร้นแค้นปรากฏผ่านตัวละครเด็กสาวคนหนึ่งชื่อ โอทามะ เธอสานหมวกไม้ไผ่ขายเพื่อประทังชีวิต แต่ถูกโจรสลัดลูกน้องไคโดกลั่นแกล้ง เมื่อลูฟี่ได้ช่วยเธอให้รอดพ้นจากน้ำมืออันธพาล เธอจึงตอบแทนบุญคุณด้วยการนำเสบียงไม่กี่อย่างที่เธอมีมาทำอาหาร เมนูอันล้ำค่านั้นคือ ถั่วแดงต้ม ครั้นเมื่อมอบอาหารทั้งหมดให้พระเอกกิน โอทามะซึ่งหิวจนท้องร้องจึงจำเป็นต้องดื่มน้ำเสียจากแม่น้ำจนล้มป่วย เป็นเหตุให้ลูฟี่เดือดดาลจนไปมีเรื่องกับกองกำลังของไคโด

ทว่าเด็กที่ต้องทนหิวมีอยู่นับไม่ถ้วนในวาโนะคุนิ คนยากไร้ส่วนใหญ่จะหนีชนบทไปอยู่ใกล้เมือง โดยตั้งหมู่บ้านอยู่บริเวณชายขอบรอบเมืองหลวงซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรและความมั่งคั่ง หมู่บ้านเหล่านี้ถูกเรียกอย่างหยามเหยียดว่า ‘เมืองโอโคโบเระ’ (เมืองของเหลือ) เนื่องจากใช้ชีวิตให้รอดไปวันๆ ด้วยการกินอาหารเหลือทิ้งที่ส่งมาจากเมืองหลวง

รอยยิ้มคือหน้ากาก หลังฉากคือความเศร้า

นอกจากเมืองโอโคโบเระ ยังมีเมืองที่รอรับของเหลือจากเมืองหลวงอีกแห่งชื่อว่า ‘เมืองเอบิสึ’ ประชาชนในเมืองแห่งนี้มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสประหนึ่งว่า เสพพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งอยู่ตลอดเวลา 

โตโนยาสึ นักแสดงตลกผู้เป็นที่รักของชาวเมือง เล่าให้กลุ่มพระเอกฟังว่า หากไม่ยิ้ม โชคลาภจะหนีไป และการปั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนในประเทศนี้เรียกว่า ‘หน้าเอบิสึ’ ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งโชคลาภผู้ยิ้มแย้มอยู่เสมอ

“พวกเราไม่ยอมแพ้ความยากจนหรอก ร้องไห้ไปก็ไม่หายจน ถ้าไม่ยิ้มบ้างก็เสียของแย่ เสียของสุดๆ”

แต่รอยยิ้มของชาวเอบิสึกลับล้นเกิน แม้ในยามที่พวกเขาหิว ถูกทำร้าย หรือมีคนตายลงต่อหน้า ชาวเมืองก็ยังยิ้มแย้มและหัวเราะออกมาได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจแต่เสียงหัวเราะไม่รู้จักเวล่ำเวลาของชาวเมืองได้ทำให้ โรโรโนอา โซโล มือขวาของลูฟี่ถึงกับโกรธ กล่าวคือ ในฉากการประหารชีวิตของโตโนยาสึ เมื่อโอโรจิจับได้ว่าโตโนยาสึคืออดีตไดเมียวที่เคยต่อต้านเขา แล้วหลบหนีคดีอยู่ อย่างไรก็ตาม แม้บุคคลอันเป็นที่รักอย่างโตโนยาสึจะถูกกระหน่ำยิงเป้าจนตายไปต่อหน้าต่อตา แต่ชาวเมืองเอบิสึกลับพากันหัวเราะ โดยไม่แสดงท่าทีเสียใจแม้แต่น้อย แม้กระทั่งลูกสาวของเขาเองยังหัวเราะเสียงดังกว่าใคร

เรื่องราวประหลาดนี้ถูกไขความกระจ่างเมื่อ ชิโนบุ นินจาสาวอธิบายว่า “รอยยิ้มของผู้คนในเมืองเอบิสึน่ะ เป็นแค่หน้ากากเท่านั้นเอง เป็นหน้ากากที่ไม่มีทางถอดออกไปได้ตลอดชีวิต” 

หน้ากากที่ว่านี้ก็คือผลข้างเคียงของการกินผลสไมล์ไปโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง อันที่จริง มีชาวเมืองบางคนรู้ดีว่าสิ่งที่กินเข้าไปส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่พวกเขาก็ไม่มีอาหารอื่นใดให้เลือกกินอีกแล้ว โอโรจิปกครองอย่างโหดเหี้ยมและไม่เคยสนใจคุณภาพชีวิตของชาวเมือง นอกเสียจากอำนาจและความมั่งคั่ง เมื่อเขาล่วงรู้ถึงผลข้างเคียงของสไมล์ จึงแอบนำมันผสมลงไปในอาหารเหลือทิ้งที่แจกจ่ายให้ชาวเมือง ด้วยหวังว่าจะกลบเสียงบ่น เสียงร่ำไห้ของ ‘แมลงหวี่’ ออกไปจากวาโนะ

นี่คือความร้ายกาจอย่างยิ่งของจอมเผด็จการ สิ่งที่โอโรจิทำไม่ต่างอะไรจากการบังคับให้ประชาชนชาววาโนะต้องแสดงใบหน้าเริงร่าอยู่เสมอ แม้ข้างในจะทุกข์ทรมานจากชีวิตที่แร้นแค้นเพียงใด หรือแม้คนที่รักจะถูกฆ่าตายต่อหน้า แต่สีหน้าภายนอกชาววาโนะยังต้องเปื้อนยิ้มอยู่เสมอ 

โอโรจิยังปลูกฝังมอมเมาเยาวชนให้เชื่อในบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของเขาผ่านระบบการศึกษาว่า การปิดทางเข้าออกประเทศเพื่อปกป้องความสงบสุข ในขณะเดียวกัน การเปิดประเทศคือ การกระทำอันชั่วร้ายที่จะนำพาผู้คนและแนวคิดเลวๆ เข้ามาในประเทศ “พวกต่างแดนทั้งหลายต่างก็จ้องจะแย่งชิงทรัพยากรของวาโนะคุนิกันทั้งนั้น”

อ่านไปอ่านมาก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่า นี่คือการ์ตูนญี่ปุ่นแน่หรือ เพราะช่างคล้ายคลึงเสียเหลือเกินกับข้อความในแผ่นป้ายประท้วงบนท้องถนนของประเทศโลกที่สามแห่งหนึ่งที่ว่า 

“บีบให้จน แล้วแจก 
กดให้โง่ แล้วปกครอง
ปล่อยให้ป่วย แล้วรักษา 
ใช้ภาษีที่รีดมา สร้างบุญคุณ”

Author

ปิยนันท์ จินา
หนุ่มใต้ที่ถูกกลืนกลายเป็นคนอีสาน โตมาพร้อมตัวละครมังงะญี่ปุ่น แต่เสียคนเพราะนักปรัชญาเยอรมันเคราเฟิ้มและนักประวัติศาสตร์ความคิดชาวฝรั่งเศสที่เสพ LSD มีหนังสือเป็นเพื่อนสนิท แต่พักหลังพยายามผูกมิตรกับมนุษย์จริงๆ ที่มีเลือด เนื้อ เหงื่อ และน้ำตา หล่อเลี้ยงชีวิตให้รอดด้วยน้ำสมุนไพรเพื่อคอยฟาดฟันกับอำนาจใดก็ตามที่กดขี่มนุษย์

Illustrator

ณขวัญ ศรีอรุโณทัย
อาร์ตไดเร็คเตอร์ผู้พยายามกระจายอำนาจและกระตุ้นให้ทุกคนโชว์รสนิยมของตนเอง นอกจากทำหน้าที่ออกแบบและหลงใหล ‘พื้นผิว’ ของเนื้อหา แต่ก็มักทะเลาะกับ text ด้วย นานๆ ทีเมื่อคันมือจะวางเมาส์ และกดจิ้มคีย์บอร์ดเขียนงานสร้างสรรค์ ทุกเช้าเขาจะใช้เวลาเงียบๆ บดกาแฟด้วยแรงมือ แล้วหยดน้ำร้อนรอเวลา

Thailand Sport Magazine Sponsored
ผู้สื่อข่าว กีฬา

ข่าวกีฬา นักกีฬา กีฬา ในร่ม indoor outdoor ต้องทำ sport ให้เป็น กีฬา หลักของประเทศ ดูข้อมูล กอล์ฟ บาสเก็ตบอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ วอลเล่ย์บอล มวย แข่งรถ แบดมินตัน และ อีสปอร์ต Dedicated to all sport news from Thailand, with news updates, stories and event reports on many different types of sporting activities that the Thailand currently holds, across all of the asia.

This website uses cookies.