ครั้งนี้จำใจต้องเป็นเบอร์ 2 ทั้งเหรียญรวม 92 เหรียญทอง และกีฬาสากล 64 เหรียญทอง
ปล่อยให้เจ้าภาพเวียดนามผงาดเต็มตัว สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองได้มากที่สุดตั้งแต่จัดซีเกมส์กันมา ด้วยตัวเลข 205 เหรียญทอง และกีฬาสากลได้ไป 100 เหรียญทอง
แต่ถ้าลงลึกลงไป ต้องบอกว่า ในส่วนของกีฬาสากลและกีฬาหลักๆของเรา นักกีฬาทีมชาติไทยทำได้ดี เก็บเหรียญได้เป็นกอบเป็นกำ
ลองไล่เรียงดู จะมีกรีฑา 12 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน 8 เหรียญทองแดง, ยกน้ำหนัก 6 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง, เซปักตะกร้อ กวาดเรียบ 6 เหรียญทอง, เทควันโด 5 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง
ว่ายน้ำ 4 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง, เทเบิลเทนนิส 4 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง, มวยสากล 4 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง, เทนนิส 4 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง, แบดมินตัน 4 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน เป็นต้น
และหากลงรายละเอียดไปอีกขั้น ไทยเรายังได้นักกีฬาสายเลือดใหม่ เกิดขึ้นมากมายจากรายการนี้อีกด้วย
เริ่มจากกรีฑา อย่าง จอชชัว โรเบิร์ต แอทคินสัน นักวิ่งระยะกลาง ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย วัย 19 ปี ที่กวาดคนเดียวถึง 4 เหรียญทอง ทำได้ จาก วิ่งผสม 4×400 เมตร, 400 เมตรชาย, 800 เมตรชาย และวิ่งผลัด 4×400 เมตรชาย
ส่งให้จอชชัวกลายเป็นนักกรีฑาไทยคนแรก ในรอบ 21 ปี ที่คว้า 4 เหรียญทอง ในซีเกมส์ครั้งเดียว โดยสุภาวดี ขาวเผือก เป็นคนสุดท้ายที่ทำได้ ในซีเกมส์ ปี 2001 ที่ประเทศมาเลเซีย
เช่นเดียวกับ “บิว” ภูริพล บุญสอน นักกรีฑาดาวรุ่งวัย 16 ปี ที่มาแข่งขันซีเกมส์ครั้งแรก และ ลมกรดจากสมุทรปราการคนนี้ ก็สร้างชื่อกระหึ่มเวียดนามได้เลย ด้วยการคว้ามาถึง 3 เหรียญทอง จากวิ่ง 100 เมตรชาย, วิ่ง 200 เมตรชาย และ วิ่งผลัด 4×100 เมตรชาย
โดยเฉพาะวิ่ง 200 เมตรชาย “เทพบิว” ทำสถิติได้ 20.37 วินาที ทำลายสถิติซีเกมส์ของรุ่นพี่อย่าง เหรียญชัย สีหะวงษ์ ที่เคยทำไว้ด้วยเวลา 20.69 วินาที ในซีเกมส์ ที่ประเทศบรูไน เมื่อ 23 ปีที่แล้วลงอีกด้วย
ยกน้ำหนักก็คัมแบ็กกลับมาได้ หลังจากติดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสารกระตุ้นไป 3 ปี จากดาวรุ่ง อย่าง ธรรญธร สุขข์เจริญ วัย 25 ปี สุรจนา คำเบ้า วัย 22 ปี ดวงอักษร ใจดี วัย 24 ปี ณัฐวุฒิ สืบสวน วัย 24 ปี และ รุ่งสุริยา ปัญญะ วัย 22 ปี ทำผลงานได้ดีทีเดียว
เทควันโด มีดาวดวงใหม่แจ้งเกิด ทั้ง “ฮามัน” ธนกฤต ยอดรักษ์ วัย 18 ปี “โช” สายชล โช วัย 19 ปี และ “มาวิน” อาทิตย์ สารรัตน์ วัย 20 ปี 3 จอมเตะหนุ่มที่คว้าเหรียญทองมาครองได้
ส่วนเทเบิลเทนนิสครั้งนี้ สร้างประวัติศาสตร์ กวาด 4 แชมป์ ทั้งทีมชาย ที่ทำได้อีกครั้งในรอบ 21 ปี ทีมหญิงเป็นครั้งแรก รวมถึงหญิงคู่ และหญิงเดี่ยว ซึ่งคนเดียวที่กวาดไปได้ถึง 3 เหรียญทอง คือ “ทิพย์” อรวรรณ พาระนัง วัย 24 ปี ที่อยู่ในทีมหญิง ได้แชมป์หญิงคู่กับ “หญิง” สุธาสินี เสวตรบุตร และยังมาชนะสุธาสินี รุ่นพี่ ในรอบชิงชนะเลิศหญิงเดี่ยวได้อีก
เทนนิส ได้ 4 เหรียญทองเช่นกัน มี “แพทตี้” พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช วัย 18 ปี “รวงข้าว” ลัลนา ธาราฤดี วัย 17 ปี คู่มือวางอันดับ 3 ของรายการ และ “ออมสิน” อัญชิสา ฉันทะ วัย 19 ปี เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ร่วมอยู่ในทีมด้วย
และแบดมินตันที่ทำได้ทะลุเป้า กวาดไป 4 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน แม้จะมีรายการแข่งขันแมตช์ใหญ่ โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์ โอเพ่น 2022 ที่ประเทศไทย ชนกับกีฬาซีเกมส์พอดี ทำให้สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ต้องส่งอีกชุด มาแข่งขัน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
นักตบลูกขนไก่ของทีม ที่มีสัดส่วนหน้าใหม่ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ นำโดย “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ วัย 21 ปี และ “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ วัย 24 ปี รวมถึง “จิว” พิทยาภรณ์ ไชยวรรณ วัย 21 ปี ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง คว้าแชมป์พาทีมแบดมินตันไทย เป็นเจ้าเหรียญทองในกีฬานี้ได้อย่างยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ยังมีทีมตบลูกยางสาวไทย แชมป์ซีเกมส์ 15 สมัย ที่กำลังจะเป็นตำนานบทใหม่ ไม่ว่าจะเป็น “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี วัย 22 ปี “บีม” พิมพิชยา ก๊กรัมย์ วัย 23 ปี ก็ทำผลงานได้อย่างที่ถูกคาดหวัง
ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างนักกีฬาที่แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในซีเกมส์ครั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนในทุกๆด้านอย่างจริงจัง ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดย “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. และสมาคมกีฬาแต่ละแห่งที่ช่วยกันดูแลอย่างดี
ถือเป็นนักกีฬาในยุคเจเนอเรชัน Z ซึ่งเกิดหลัง พ.ศ.2540 อย่างแท้จริง
เป็นความหวังใหม่ของทัพไทย ที่น่าจะพึ่งพาได้ในอนาคต
ไม่มากก็น้อย…
กัญจน์ ศิริวุฒิ เรื่อง
